เรามาถึงจุดนี้ได้ไง |
ช่วงนี้รอบตัวผมมีแต่คนรักสุขภาพ ปีนี้ที่ทำงานผมก็ไม่ธรรมดานะครับ มีโครงการให้พนักงานลด BMI ด้วย มีเป้าหมาย มีติดตามผลเป็นงานเป็นการเลย สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก BMI หรือ Body Mass Index พูดง่ายๆ ก็คือตัวเลขที่ใช้วัดความอ้วนนั่นเอง เป็นอัตราส่วนของน้ำหนักกับส่วนสูง มีสูตรคำนวณและมีมาตรฐานบอกว่าระดับไหน OK ระดับไหนเริ่มอวบ หรืออ้วนไปถึงขั้นไหนแล้ว มีโปรแกรมคำนวณอยู่ลองดูได้นะครับ ตอนนี้เลยมีวิธีการลดน้ำหนักมาให้ลองกันเพียบเลย บางอย่างก็ขัดกับความรู้เก่าของเราโดยสิ้นเชิง เช่น สายคีโต (Ketogenic Diet) บอกว่าให้กินไขมันเพื่อลดไขมัน (เอาจริงดิ!!) สายไอเอฟ (I.F. = Intermittent Fasting) มีหลายสูตร บางสูตรบอกว่างดอาหารเช้าได้ก็ดี กินมื้อดึกซัดหนักๆ เลยก็ได้ หรือถ้าทำร่วมกันเป็นคีโตฟาสติ้งก็จัดไขมันมื้อดึกมาเลย..ได้ฟังครั้งแรกมีอึ้ง..แต่มันก็มีรายละเอียดที่เป็นวิชาการอยู่นะ ต้องทำให้ถูกหลักด้วย กระซิบส่วนตัว...ผมลองใช้ I.F. สูตร 16:8 ที่น่าจะง่ายสุดแล้ว..คือใน 1 วัน มีเวลาให้กินอาหารได้แค่ 8 ชั่วโมง อีก 16 ชั่วโมงที่เหลือ ห้ามกินอะไรที่มีพลังงานเลย...ผมว่าได้ผลนะครับ น้ำหนักลด ไขมันลด สนใจถาม google ดูได้ . แต่ถ้าวิธีที่รู้ๆ กันทั่วไป ก็น่าจะประมาณนี้.... เริ่มจากไดเอท...จะเป็นแบบธรรมดาคือค่อยๆ ลดปริมาณการกิน หรือจะเป็นสูตรเร่งด่วนแบบไอดอลเกาหลี มีบางสูตรฮาร์ดคอร์หน่อย มื้อเช้าขนมปัง 1 แผ่นกับกาแฟดำ มื้อกลางวันไข่ต้ม 2 ฟอง มื้อเย็นโยเกิร์ต แค่เนี้ย... อิ่มเหรอครับ ถามจริง? “จะไปอิ่มได้ไงพี่ หน้ามืดแล้วเนี่ย” คนที่ลองทำรายงานผล ทำไปได้ 2 วัน วันต่อมาก็ซัดบุฟเฟ่ต์เลยครับ นี่แหละครับ อะไรที่มันตึงเกินไป ตอนสวิงกลับมันก็แรง . นอกเหนือจากคุมอาหาร ก็ต้องออกกำลังกาย... วิ่งดิครับ..วิ่ง เดี๋ยวนี้ใครๆ เค้าก็วิ่งกัน ก่อนพี่ตูนจะก้าวคนละก้าวก็ฮิตอยู่แล้ว ยิ่งมีพี่ตูนเป็นไอดอล ยิ่งฮิตระเบิดไปใหญ่ การวิ่งเป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง ไม่ต้องมีอะไรมาก กายพร้อม ใจพร้อม เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ไปลุยกันเลย ผมมีตัวอย่างคนแถวๆ นี้ครับ วิ่งวันแรกครับ...ตื่น 6 โมงเช้า วิ่ง (สลับเดิน) รอบหมู่บ้าน 5 กิโลกว่าๆ ผลที่ได้คือ.. . เจ็บเข่า . เอ...สงสัยอุปกรณ์ไม่เหมาะ ลองเสิร์จเนต ใช่จริงด้วย!!! ว่าแล้วรองเท้าวิ่งมีผล ไอ้ที่มีอยู่มันไม่ใช่สำหรับวิ่ง ไปๆ มาๆ ก็ได้รู้จักกับ Skechers gorun 600 เค้าว่าเด็ด งั้นก็จัดมาสิครับ สามวันแรกกับรองเท้าวิ่งใหม่.... ผลที่ได้คือ... . เจ็บเข่า !?! . พักไปสองอาทิตย์ เอ..สงสัยเราจะไม่ใช่สายวิ่ง เปลี่ยนเป็นเดินละกัน (เออ...แต่รองเท้ามันชื่อรุ่น gorun ไม่ใช่เหรอ) . งั้นกินคลีนก็ได้...ไม่ต้องอดอาหารให้ทรมานแค่จำกัดแคลลอรี่ เลือกกินของที่มีประโยชน์ วัตถุดิบจากธรรมชาติ เน้นผักปลอดสาร ข้าวกล้อง ปรุงแต่งน้อยๆ ลดหวาน ลดเค็ม เดี๋ยวนี้ก็มีให้เลือกหลายเจ้า ราคาไม่แพงเหมือนเมื่อก่อน รวมกันสั่งเยอะๆ มีส่วนลดพิเศษแถมส่งถึงที่ด้วยน้า สั่งมาตุนไว้อาทิตย์นึงเลย หลังจากหมดอาหารคลีนกล่องสุดท้ายก็กลับมาหาหมูปิ้ง ไก่ทอด ข้าวเหนียวมะม่วง ฮันนี่โทสต์ ชานมไข่มุก brown sugar boba milk with cream mousse เหมือนเดิม อาหารที่ดีต่อสุขภาพ มักจะไม่อร่อยอ่ะครับ แถมลดหวานลดเค็มด้วย มันจะไปเหลืออะไร กินได้อาทิตย์นึงก็เก่งแล้ว ............................................................... ทำไมเรื่องดีๆ กับสุขภาพถึงได้ทำยากนักนะ?? นั่นก็เพราะ ‘ความคิดด้านเหตุผล’ กับ ‘ความต้องการของร่างกาย’ มันไปกันคนละทางน่ะครับ มนุษย์เราพัฒนามาหลายพันปีแล้ว ชีวิตคนยุคนี้ไม่เหมือนมนุษย์ยุคหิน สภาพความเป็นอยู่เปลี่ยนไป ความคิดคนเปลี่ยนไป แต่ความต้องการและหน้าที่ของร่างกายยังไม่เปลี่ยน ยุคหินเป็นยังไง ยุคนี้ก็เป็นอย่างงั้น ร่างกายยังคงต้องการพลังงานให้มากเข้าไว้ และมีหน้าที่สงวนพลังงานใช้สอยอย่างประหยัด อะไรคือพลังงาน??? คาร์โบไฮเดรต...ไขมัน...โปรตีน แบบไหนคือสงวนพลังงาน??? อยู่เฉยๆ ดังนั้น การนอนดูหนังพร้อมจกป๊อปคอร์นแกล้มโค๊ก จึงเป็นเรื่องที่ร่างกายต้องการมากกว่าการคุมอาหารและออกกำลังกายแน่นอน แล้วเครื่องมือที่ร่างกายใช้สื่อสารเพื่อต่อรองกับ ‘ความคิดด้านเหตุผล’ ก็คือ ‘อารมณ์’ ครับ การทำเรื่องดีๆ กับสุขภาพจึงต้องใช้ ‘เหตุผล’ เพื่อฝืนความต้องการของร่างกายและอารมณ์ ทำให้มันเป็นเรื่องยากอยู่ เล่น 2 รุม 1 แบบนี้ แต่... ก็มีคนทำได้ไม่น้อย พวกเราก็น่าจะรู้จักคนที่มีวินัยในการกิน ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่บ้างล่ะน่า อะไรทำให้เค้าทำได้?? อยู่ที่คำพูดนี้เลยครับ....“จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” บ่าวจะขี้เกียจแค่ไหน ถ้านายสั่งเด็ดขาดก็ต้องทำล่ะครับ ไปๆ มาๆ ก็กลับมาสู่เรื่องเดิม ‘แรงจูงใจ’ นั่นเอง แต่ครั้งนี้เสริมด้วย ‘ความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ’ ถ้าไม่มี ‘แรงจูงใจ’ เราจะ ไม่มีเป้าหมาย ถ้าเราขาด ‘ความมุ่งมั่น’ เราจะไปไม่ถึงเป้าหมาย เวลาเห็นคนอื่นหุ่นดีเราอาจมีแรงจูงใจอยากจะลดน้ำหนักกับเค้าบ้าง แต่ออกไปวิ่งวันแรกได้ไม่เท่าไหร่ก็ปวดเข่า หรือไปเล่นโยคะ กลับถึงบ้านปวดเมื่อยไปทั้งตัว ในที่สุด ชุดวิ่ง เสื่อโยคะ ก็ถูกเก็บเข้าตู้ และไม่ได้เห็นอีกเลยนับแต่บัดนั้น แต่ถ้าเรามุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลบังคับร่างกายต่อไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งเราจะพบว่า เราไม่ต้องบังคับแล้ว มันกลายเป็นนิสัยที่ถ้าไม่ทำจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป และถ้าเราทำอย่างถูกต้อง มีการพัฒนาที่เห็นได้ชัด เมื่อนั้นเราอาจพบว่าเราหยุดทำไม่ได้แล้วครับ เคยเห็นคนที่ติดการออกกำลังกายไหมครับ พวกมนุษย์วิ่งที่พอถึงระดับหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะเก่งกว่าคนส่วนใหญ่แล้ว วิ่งเร็วกว่า วิ่งทนกว่า ความเก่งนี่แหละครับที่ทำให้เริ่มอยากโชว์ วิ่งแซงคนอื่นตลอดทางนี่มันก็รู้สึกดีอยู่นะ พออยากโชว์ก็ทำบ่อยๆ พอทำบ่อยๆ ก็เก่งขึ้นไปอีก ยิ่งถ้ามีแข่งแล้วชนะด้วย ทีนี้มีงานวิ่งที่ไหนก็พลาดไม่ได้ล่ะ พวกมนุษย์ฟิตเนสก็เหมือนกันครับ แรกๆ ตอนยกเวท 5 กิโล ไม่ค่อยไหว ก็ไม่ค่อยอยากไปเล่น แต่พอพัฒนาขึ้น เริ่มมีกล้าม ก็ชักจะอยากไปบ่อยๆ พอมีซิกแพ็คนี่แทบจะสิงอยู่ในยิมเลย เรื่องไดเอทไม่ต้องพูดถึงเพราะวันๆ กินแต่อกไก่ ไข่ต้ม กับโปรตีนเช็ค กลัวซิคแพ็คหาย เช่นเดียวกับ มนุษย์โยคะ มนุษย์ปั่น(จักรยาน) มนุษย์กอล์ฟ และมนุษย์อื่นๆ ก็มีเส้นทางไม่ต่างกัน พัฒนาการและความสำเร็จเป็นขั้นๆ นี่แหละครับที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราไม่ย่อท้อเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จขั้นต่อๆ ไป ดังนั้นเคล็ดลับคือการตั้งเป้าหมายต้องตั้งให้ไกล แต่ถ้าจะไปให้ถึง ก็ต้องตั้งเป้าย่อยๆ ระหว่างทางไว้ให้ไต่ระดับเป็นกำลังใจด้วยนะครับ อันนี้ก็คือการประยุกต์ใช้ ‘ทางสายกลาง’ แบบหนึ่ง หลายคนเข้าใจผิดว่าทางสายกลางแปลว่าทำอะไรแค่ปานกลาง ไม่ใช่นะครับ ไปให้สุดน่ะแหละครับ แต่ถ้าเป้าสูงมากมันจะตึงเกินไป ก็ซอยเป็นเป้าย่อยๆ ให้หย่อนลง แต่เป้าใหญ่ก็ยังคงอยู่ . พูดง่าย...ทำยาก แต่ก็...มีคนทำได้ไม่น้อยนะครับ ลองดูป่ะล่า อยากทำอะไร ลองตั้งเป้าแล้วเข็นตัวเองสักพัก พอหันกลับมาดูจะพบว่า เอ๊ะ!! เรามาถึงจุดนี้ได้ไง |
Vertical Divider
Supplied by BMI Calculator India STORY TELLING PROJECT รวบรวมแนวคิดจากหนังสือ "ตั้งสติ ให้สตรอง.. อย่าไว้ใจสมองของคุณ" มาจับประเด็นกับเรื่องราวจริงที่ทุกคนอาจเจอได้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่เกิดกับตัวเอง เรื่องที่ 1 งานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย...จริงดิ เรื่องที่ 2 ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น (นั้นไม่จริงเสมอไป) เรื่องที่ 3 นิทานก่อนนอน-ประตูและป่าแห่งความลังเล เรื่องที่ 4 วิ่งหายเจ็บใจ เรื่องที่ 5 อะไรที่ 'เติมไฟ' ให้เรา เรื่องที่ 6 อะไรที่ 'เติมไฟ' ให้เรา (ตอนที่ 2) เรื่องที่ 7 อะไรที่ 'เติมไฟ' ให้เรา (ตอนที่ 3) เรื่องที่ 8 ปัญหาของความ 'ไม่เครียด' เรื่องที่ 9 เรามาถึงจุดนี้ได้ไง เรื่องที่ 10 อัจฉริยะ กับ ความบ้า เรื่องที่ 11 แก้ความเครียดด้วย WTF เรื่องที่ 12 ด้านลบ ของการ 'คิดบวก' เรื่องที่ 14 'ชอลิ้วเฮียง' ในมุมที่ไม่เคยคิดถึง เรื่องที่ 15 Keystone Habits:วันนี้คุณทำกุศลหรือยัง แล้วติตตาม update กันเรืื่อยๆ นะครับ |